การทำธุรกิจอะไรดี? มีคำตอบอยู่ 3 คำตอบ
1. ทำธุรกิจที่เราชอบ
เรามีความสุข 2. ทำธุรกิจที่เราถนัด
เราได้กำไร 3. ทำธุรกิจที่กำลังบูม
เราได้กระแส
แล้วแค่ทำธุรกิจตามความชอบ / ทำธุรกิจตามความถนัดและทำธุรกิจตามกระแสพอแล้วหรือไม่ ? |
จริงๆในแง่มุมการทำธุรกิจที่สำคัญเราจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการทำธุรกิจ รวมถึงการทำธุรกิจสุขภาพและความงามก็เช่นเดียวกัน การทำธุรกิจสุขภาพและความงามให้ประสบความสำเร็จอย่างมั่นคงและยั่งยืน จึงจำเป็นต้องมีอีก 4 ปัจจัยความสำเร็จ ทั้งในด้านขององค์ความรู้ในธุรกิจนั้นๆ ด้านของการจัดการ, กลยุทธ์ทางการตลาดและความสามารถในการจัดสรรเงินทุน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีความสำคัญและทั้ง 4 DIMENSION มีความ สำคัญเท่าเทียมกัน เหตุผลง่ายๆหากคุณมีไม่ครบทั้ง 4 มุมมองธุรกิจสำคัญนี้ ก็ยากที่จะอยู่รอดในธุรกิจนี้เช่นกัน
โดยหากเราจะทำธุรกิจนี้ เราควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะเริ่มดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างรอบคอบ ยาวนาน มั่นคงและยั่งยืน
|
1. Money : การเงิน
มีใครบอกว่ามีเงินแล้วทำอะไรก็ได้ จริงหรือ ? เงินหมดไม่ได้หรือ? เงินเรามากมายขนาดนั้นจริงๆหรือ?
พอเราทำธุรกิจด้วยความรัก เราก็ลงทุนใหญ่เลย เพราะเรารัก เรามีความสุขกับการตกแต่งร้าน โน้นนี่ ต่างๆ นาๆ พอเราทำธุรกิจด้วยความถนัดขนาดของเงินก็ใช่จะเหมาะสม เพราะเราถนัดเรื่องธุรกิจ เราไม่ถนัดเรื่องการบริหารเงิน พอเราทำธุรกิจตามกระแส เราก็ทำตามเขา จนลืมมองเงินในกระเป๋าเรา ............ความเสียหายทางธุรกิจจึงเกิดขึ้น!!!!
ประเด็นพิจารณาในเรื่องของเงิน
1. เงินที่คุณทำในธุรกิจนี้เป็นเงินเย็นหรือเปล่า? 2. คุณต้องกู้เงิน หรือไม่? จะทำแผนธุรกิจอย่างไร? 3. สัดส่วนระหว่างเงินกู้ กับ เงินของเจ้าของ 4. การจัดสรรเงินที่เหมาะคืออย่างไร? 5. การลงทุนในแต่ละเฟสธุรกิจเป็นอย่างไร?
นี่คือ 5 ประเด็นพื้นฐานที่ผู้ทำธุรกิจสุภาพและความงามต้องพิจารณา แต่น่าเสียดายผู้ทำธุรกิจนี้ไม่รู้!!!!
พอใช้เงินร้อนในการทำธุรกิจ ประสบการณ์ในการทำธุรกิจก็ยังไม่มากพอตัวตลาดเองก็ยังไม่ชำนาญนัก หวังจะได้เงินจากลูกค้ามาดับร้อน แต่ฟันธงได้เลยว่า...ยาก ยังไง เงินก้อนสายป่านก็มีความสำคัญ และเงินเย็นก็สำคัญเช่นกัน
ต้องการกู้ธนาคาร เขียนแผนธุรกิจไม่ได้ พรีเซ็นต์แผนธุรกิจไม่เป็นก็ไม่ได้เงิน ก็จบ!!!
สัดส่วนระหว่างเงินที่กู้กับเงินของเจ้าของธุรกิจผิด ไม่รู้ธรรมชาติของเงิน ไม่รู้ธรรมชาติของธุรกิจ ความเสี่ยงก็จึงไม่เหมาะสมกับความสามารถ ยังหมายถึงการคุมกำเนิดของการเติบโตของธุรกิจอีกด้วย ก็หมายถึงธุรกิจไม่โต และมีความเสี่ยงที่ธุรกิจจะล้มเหลวมากขึ้นอีกด้วย
จัดสรรไม่เหมาะ กระทบต้นทุน กระทบสายป่าน กระทบความก้าวหน้า!!! ของธุรกิจ
ลงทุนเงินไม่เหมาะสมแต่ละช่วงเวลา จบ!!!
|
2. MARKETING : การตลาด ทำธุรกิจด้วยความรัก/ทำธุรกิจตามกระแสมีเงินทุนมาก มีองค์ความรู้มาก มีระบบการจัดการที่ดี แต่ไม่มีองค์ความรู้ด้านการตลาด จะทำธุรกิจนี้ได้อย่างไร?
ทำธุรกิจยังไม่ได้เริ่มต้นจากการเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แล้วเราจะทำธุรกิจต่อไปได้อย่างไร?
ทำธุรกิจได้อย่างไร? หากยังเลือก หรือโฟกัสคู่แข่งที่ถูกต้องและแม่นยำกับตัวธุรกิจของตนไม่ได้
ทำธุรกิจอย่างไร? หากยังตั้งราคาที่เหมาะสมไม่เป็น
...........ความเสียหายทางธุรกิจจึงเกิดขึ้น!!!!!
ประเด็นพิจารณาขึ้นเรื่องของการตลาด
1. คุณมีความรู้ในเรื่องการ LAUNCING PRODUCT และ OPANNING EVENT หรือไม่?
2. คุณมีความรู้ในการหาลูกค้าใหม่ให้กับร้านหรือไม่?
3. คุณมีความรู้ในการรักษาลูกค้าให้อยู่กับคุณอย่างยาวนานหรือไม่?
4. คุณมีกลยุทธ์การตลาดกระบี่มือหนึ่งเฉพาะร้านของคุณหรือไม่?
5. คุณมีความสามารถวัดผลทางการตลาดของคุณอย่างแม่นยำใช่ หรือไม่?
นี่คือ 5 ประเด็นพื้นฐานที่ผู้ทำธุรกิจสุภาพและความงามต้องพิจารณาแต่น่าเสียดายผู้ทำธุรกิจนี้ไม่รู้!!!!
หลายต่อหลายร้านลงทุนไปอย่างมากมายกับกิจกรรมการ OPANNING ร้าน แต่กลับปรากฏว่าผลตอบรับจากการลงทุนก้อนโตนั้นสูญเปล่า เพราะขาด OPANNING EVENT PLANNING ที่ดี
จะเปิดร้านแล้วยังไม่รู้เลยว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของตนเป็นใคร? ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาลูกค้าหน้าใหม่มาจากไหน? อย่างไร?
มีลูกค้าหน้าใหม่อยู่เรื่อยๆแต่ไม่มีลูกค้าหน้าเดิมเลยทำไม? ให้รู้เลยว่าต้นทุนการหาลูกค้าใหม่สูงกว่าต้นทุนการรักษาลูกค้าเดิมอีกเยอะ
การวางแผนการขาย การต่อยอดการขาย ช่วงจังหวะและการทำโปรโมชั่น ทั้งหลายแหล่ล้วนต้องการความเก๋าเกมในสังเวียนทั้งสิ้น
ลงทุนกับผลผลิตภัณฑ์ใหม่เต็มที่ จัดเต็มทุกโปรโมชั่น แต่ไม่เคยวัดผลทางการตลาด หรือทำๆไปแล้วมันก็ตัน!!!
|
3. Knowledge : ความรู้ ทำธุรกิจด้วยความรัก/ทำธุรกิจตามกระแส แต่เราไม่มีความถนัด ไม่มีองความรู้เรื่องสุขภาพและความงามเลย เราทำธุรกิจนี้ได้เหรอ?
หลายคนทำธุรกิจนี้เพราะรักสุขภาพ รักสวยรักงาม ชอบใช้บริการ เปิดร้านเองจะได้ไม่ต้องไปใช้บริการที่อื่น ไม่พอ!!
ฉันเป็นดารา/ฉันมีชื่อสียง ฉันจะใช้ความมีชื่อเสียงของฉันทำธุรกิจสุขภาพและความงามไม่พอ!! เพราะมีหลายกรณีศึกษาที่เจ้าของธุรกิจเป็นผู้มีชื่อเสียง แต่ไม่มีองค์ความรู้ แล้วก็ไปไม่รอด
พอเราทำธุรกิจตามกระแส เราก็ทำตามเขา ไม่พอ!!!
............ความเสียหายทางธุรกิจจึงเกิดขึ้น!!! ประเด็นพิจารณาในเรื่องขององค์ความรู้
1คุณมีองค์ความรู้ที่แท้จริง/ที่มาที่ไปของทุกบริการของร้านคุณหรือเปล่า?
2 คุณมีองค์ความรู้ที่มากกว่าในการให้บริการเมื่อเทียบกับคู่แข่งหรือไม่?
3 คุณมีองค์ความรู้ในการต่อยอดการให้บริการหรือไม่?
4คุณสามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้? กับการขยายกลุ่มเป้าหมายคุณได้หรือไม่? การเพิ่มมูลค่าล่ะ?
5คุณสามารถใช้ระบบต่างๆ ในการให้บริการเพื่อสร้างความได้เปรียบในการให้บริการสำหรับลูกค้าได้หรือไม่?
นี่คือ 5ประเด็นพื้นฐานที่ผู้ทำธุรกิจสุภาพและความงามต้องพิจารณาแต่น่าเสียดายผู้ทำธุรกิจนี้ไม่รู้!!!!
องค์ความรู้ไม่ใช่ว่าแค่มีช่างเก่งๆในร้าน หรือมีช่างผู้เชี่ยวชาญแล้วจบ เจ้าของร้านต้องทำได้ด้วย!!! ถ้าเจ้าของร้านทำไม่ได้ เกิดการต่อรองลาออก ลูกค้าตามช่างไปด้วย อะไรจะเกิดขึ้น?
องค์ความรู้ไม่ใช่แค่ทำเป็นมีใบประกาศนียบัตรแล้วจบ ไม่พอ!! ต้องสามารถคิดบริการใหม่ๆ ที่ตรงตามใจลูกค้าและเหนือกว่าคู่แข่งได้ด้วย
ไม่ใช่แค่มีองค์ความรู้ครบถ้วนแต่ต้องต่อยอดทางธุรกิจเป็นด้วย เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มศักยภาพการทำกำไร
ไม่ใช่แค่มีองค์ความรู้แต่ต้องเชื่อมโยง/เพิ่มมูลค่าและขยายขนาดของตลาดได้!!!
คุณใช้ระบบที่มีมาตรฐานต่างๆ ในร้านของคุณเป็นหรือเปล่า? เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลสูงสุดจากการรับบริการ และที่สำคัญให้ลูกค้าเกิดความศรัทธาและเชื่อมั่นเมื่อใช้บริการ
|
4. Management : การบริหารจัดการ ทำไมร้านที่มีเงินทุนมาก มีองค์ความรู้มาก มีทีมการตลาดที่ดี แต่ไม่มีระบบการจัดการ ทำธุรกิจนี้ได้จริงหรือ?
บริหารร้านแบบมืออาชีพทำได้อย่างไร? ทำไม่เป็น!!
ทำธุรกิจได้อย่างไร? หากบริหารจัดการกับ Specialist ประจำร้านไม่ได้
ทำธุรกิจอย่างไร? เมื่อไม่รู้ทิศทางและแนวทางที่จะไป
..........ความเสียหายทางธุรกิจจึงเกิดขึ้น!!!
ประเด็นพิจารณาเรื่องของการจัดการ
1เขียนแผนธุรกิจ เป็นทิศทางการทำธุรกิจ และระดมเงินทุนเป็นหรือไม่?
2วางผังองค์กรร้านที่เอื้อต่อความสำเร็จได้หรือไม่?
3สรรหา คัดเลือก วางแผนผลตอบแทนได้มีประสิทธิภาพหรือไม่?
4คุณสามารถตั้งเป้าให้เกิดประสิทธิผลและเพิ่มผลิตภาพได้หรือไม่?
5คุณเป็นผู้นำที่ดีหรือไม่?
นี่คือ 5ประเด็นพื้นฐานที่ผู้ทำธุรกิจสุภาพและความงามต้องพิจารณาแต่น่าเสียดายผู้ทำธุรกิจนี้ไม่รู้!!!!
อยากได้เงินลงทุน ผู้ร่วมทุน แต่เขียนแผนธุรกิจไม่ได้ หรือจ้างเขาเขียนแผน พรีเซ็นต์แผนเองไม่ได้ -ได้เหรอ?
มีๆ ไปช่างกี่คนก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญกี่คนก็ได้ ไม่ได้วางแผนอะไร
สรรหาไม่ได้ สรรหาไม่ดี สรรหาไม่เป็น สรรหาไม่ถูก รักษาไว้ไม่ได้???
ไม่เคยตั้งเป้า หรือตั้งเป้าแล้วไม่ได้ตามเป้าสักเดือน ตั้งเป้าไปก็ไม่ช่วยอะไร!!!
และสุดท้าย..ฉันเป็นเจ้าของร้าน ฉันเป็นของฉันแบบนี้
|
1. Media Online Marketing : การตลาดออนไลน์
องค์ความรู้ที่หลากหลาย กลยุทธ์การจัดการเชิงลึก การจัดสรรเงินทุนที่สุดยอด ส่วนผสมทางการตลาดที่สมบูรณ์แบบ 4 ปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จสุจภาพและความงามอาจยังไม่เพียงพอ ปัจจัยอีกหนึ่งปัจจัยซึ่งเป็นปัจจัยเสริมเพิ่มพลังขับเคลื่อนให้การทำธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วขึ้น แล้วอะไรล่ะคือปัจจัยเสริม?
ทำการตลาดออนไลน์ทำได้จริงเหรอ ทำได้อย่างไรทำไม่เป็น!!!
Media Online Marketing ช่วยให้ธุรกิจสุขภาพและความงามเติบโตได้อย่างรวดเร็วจริงเหรอ
การใช้สื่อในการทำการตลาดออนไลน์ต้องทำอย่างไร ต้องใช้ต้นทุนเท่าไหร่
ประเด็นพิจารณาในเรื่องของ Media Online Marketing
1. คุณเข้าใจระบบสารสนเทศที่จะนำมาใช้กับการทำการตลาดหรือไม่?
2. คุณเคยรู้จักกับ google search engine อันดับหนึ่ง ที่จะนำมาเป็นช่องทางทำการตลาดหรือป่าว?
3. คุณสามารถสร้าง website ดีดีราคาไม่แพง ออกแบบให้ตรงกับ target group ได้หรือไม่?
4. คุณจะเลือก social network ใดให้ตรงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างไร?
5. คุณรู้จัก youtube กับการสร้างกระแสอย่างเร็วและแรงหรือไม่?
นี่คือ 5 ประเด็นร้อนที่ผู้ทำธุรกิจสุขภาพและความงามต้องพิจารณาต้องพิจารณา แต่น่าเสียดายที่ผู้ทำธุรกิจนี้ไม่รู้!!!
ระบบสารสนเทศถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากในปัจจุบัน ในการนำมาใช้ในการบริหารจัดการรวมทั้งการนำมาใช้ในการทำการตลาดด้วย
Google นอกจากที่พวกเรารู้จักกันในการใช้ในเรื่องของการสืบค้นข้อมูลแล้ว Google ยังถือเป็นช่องทางในการทำการตลาดระดับโลกอีกด้วย!!!
Website ถือเป็นหน้าตาแสดงภาพลักษณ์ของร้าน ทำหน้าที่ทั้งในเรื่องของการสื่อสาร การส่งเสริมการขายให้ตรงกับ Target Group ได้ด้วยการออกแบบ Content ต่างๆ ให้ชัดเจน โดนใจ เข้าใจง่าย
Social Network ที่พวกเรารู้จักกัน เช่น Facebook Twitter MSN Line Whaapp etc ล้วนเป็นสื่อทางการตลาดที่เราสามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าเป้าหมายได้แบบ นาทีต่อนาที แบบ Interactive
ไม่มีใคร ไม่รู้จัก จ๊ะ คันหู, Gangnam style และ Harlem Shake Youtube คือ สุดยอดยอด Media Online Marketing ที่เร็วและแรงงงงง!!!!
|
2. English for Health and Beauty Business :การสื่อสารภาษาต่างประเทศ
การทำธุรกิจในยุคของการเปิดการค้าเสรีอาเซียน Asean Economics Community ( AEC) หากเราไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ในการให้บริการ แล้วเราจะสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างไร เพียงบริการที่เป็นเลิศเพียงพอไหมในการแข่งขัน!!!!
เราคนไทย ไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร รักเมืองไทย ชูชาติไทย ใช้ภาษาไทยนี้ล่ะ ในการให้บริการ แค่คิดก็ผิดแล้ว!!!!!
เราก็ใช้ภาษาใบ้ ไม่ก็ Body Language ในการสื่อสารก็ได้.... จริงหรอ?!?
ภาษาอังกฤษยากจะตาย บางคนเรียนมาตั้งแต่อนุบาลแล้วยังพูดไม่ได้เลย!!!!
ประเด็นพิจารณาในเรื่องของ English for Health and Beauty Business
1ร้านที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยมีการใช้ภาษาอังกฤษในการให้บริการหรือไม่?
2ร้านที่มีการนำภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทและร้านที่ไม่มี มีความแตกต่างกันอย่างไร?
3ร้านที่นำภาษาอังกฤษเข้ามาใช้ มีลักษณะอย่างไร?
4ปัญหาและอุปสรรค สำหรับร้านที่ไม่มีการบริหารร้านด้วยภาษาอังกฤษ?
5คุณแน่ใจหรอ ว่าแค่ภาษากายจะคุยกับลูกค้าต่างชาติรู้เรื่อง? นี่คือ 5 ประเด็นร้อนที่ผู้ทำธุรกิจสุขภาพและความงามต้องพิจารณาต้องพิจารณา แต่น่าเสียดายที่ผู้ทำธุรกิจนี้ไม่รู้!!!
ถ้าทุก ๆ ร้านในเมืองไทยก็ไม่ได้มีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ ถ้าอย่างงั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องมี ก็ประสบความสำเร็จได้ จริงหรือไม่....แล้วถ้าวันนึง เรามีชื่อเสียง มีทัวร์มาลง มีชาวต่างชาติมาใช้บริการ เราจะทำอย่างไร
การนำภาษาอังกฤษเข้ามาใช้ในการสื่อสารกับลูกค้า จะสามารถกำหนดปัจจัยด้านราคา และ ภาพลักษณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยในการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับกลางค่อนสูง ถึง ระดับสูง
ร้านที่นำภาษาอังกฤษเข้ามาใช้ จะมีลักษณะหรู ดูดี มีมาตรฐาน ในสายตาของลูกค้า แต่ถ้าเราเป็นร้านระดับปานกลาง แต่อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว หรือสถานที่ที่มีชาวต่างชาติ ก็จะเป็นการสร้างความแตกต่างจากการสร้างความประทับใจด้วยการสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจลูกค้า
ปัญหาและอุปสรรค สำหรับร้านที่ไม่มีการให้บริการด้วยภาษาอังกฤษ นั้นก็คือ ไม่สามารถเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้ ดังนั้น การให้บริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าก็เป็นไปยากมากๆ
ขนาดการสื่อสารด้วยการพูดจาบ้างครั้งยังยากที่จะสื่อสารได้เข้าใจ และนับประสาอะไรกับภาษากายซึ่งสามารถตีความหมายได้ร้อยแปดแตกต่างกัน !!!!
|